อ่าวมะนาว เป็นชายหาดที่มีความสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 กองทัพอากาศ ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นอ่าวโค้งคล้ายครึ่งวงกลม ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยเขาล้อมหมวกและเขาคลองวาฬ น้ำทะเลใสสะอาด คลื่นลมสงบ เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและพักผ่อน ประวัติศาสตร์สำคัญ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 อ่าวมะนาวเป็นจุดที่กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเพื่อเข้ายึดประเทศไทย แต่ถูกต่อต้านโดยกองทัพไทยที่ประจำการอยู่ในกองบินน้อยที่ 5 การต่อสู้นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงความกล้าหาญและการเสียสละของทหารไทย แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรม เขาล้อมหมวกเป็นภูเขาที่สามารถปีนขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบฯ ได้ บนยอดเขามีพระพุทธบาทจำลองให้สักการะ และบริเวณเชิงเขามีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเขตอนุรักษ์พันธุ์ค่างแว่นตั้งอยู่บริเวณเขาล้อมหมวก เป็นที่อยู่อาศัยของค่างแว่นถิ่นใต้ นักท่องเที่ยวสามารถชมและให้อาหารได้ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภายในกองบิน 5 มีศูนย์เรียนรู้ที่จัดแสดงแนวทางการดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สิ่งอำนวยความสะดวก อ่าวมะนาวมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ร้านอาหาร ห้องน้ำ ที่อาบน้ำจืด และที่พักหลากหลายรูปแบบ เช่น อาคารฟ้าชมคลื่น ซึ่งเป็นที่พักติดทะเล มีสระว่ายน้ำ และห้องพักหลายแบบ ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 900 […]
อุทยานราชภักดิ์
อุทยานราชภักดิ์ (Rajabhakti Park) เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก่อตั้งขึ้นโดยกองทัพบกไทย เพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถในการปกครองและพัฒนาประเทศ โดยได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า “อุทยานราชภักดิ์” ซึ่งหมายถึง อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ประวัติและวัตถุประสงค์ อุทยานราชภักดิ์เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2558 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศในโอกาสที่มาเยือนกองทัพบกอย่างเป็นทางการ รวมถึงเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สำหรับประชาชนทั่วไป รายชื่อพระมหากษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ พระบรมราชานุสาวรีย์ที่ประดิษฐานในอุทยานราชภักดิ์ประกอบด้วยพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์จากยุคต่าง ๆ 1.พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (สมัยกรุงสุโขทัย) 2.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมัยกรุงศรีอยุธยา) 3.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมัยกรุงศรีอยุธยา) 4.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สมัยกรุงธนบุรี) 5.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) 6.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) 7.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ลักษณะและการออกแบบ พระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง […]
ถ้ำพระยานคร
ถ้ำพระยานคร เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โดยมีจุดเด่นคือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” ซึ่งเป็นพลับพลาแบบจตุรมุขที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ประวัติความเป็นมา ถ้ำพระยานครได้ชื่อมาจากพระยานครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ค้นพบถ้ำนี้ในระหว่างการเดินทางทางทะเลและได้ขึ้นฝั่งที่บริเวณหาดแหลมศาลาเพื่อหลบพายุ ในช่วงเวลานั้น พระยานครได้ขุดบ่อน้ำไว้ใช้ดื่ม ซึ่งปัจจุบันยังคงมีอยู่และเรียกกันว่า บ่อพระยานครต่อมาในปี พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จประพาสถ้ำพระยานครและทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ขึ้นภายในถ้ำ พระที่นั่งนี้เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน ลักษณะเด่นของถ้ำ ถ้ำพระยานครเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีปล่องแสงธรรมชาติบนเพดานถ้ำ ในช่วงเวลาประมาณ 10.30–11.30 น. ของวัน แสงอาทิตย์จะส่องผ่านปล่องถ้ำลงมาตรงพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ สร้างภาพที่งดงามและน่าประทับใจนอกจากนี้ ยังมีพระมหากษัตริย์ไทยอีกหลายพระองค์ที่เคยเสด็จเยือนถ้ำพระยานคร ได้แก่ รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 โดยมีพระปรมาภิไธยย่อของทั้งสองพระองค์จารึกอยู่บนผนังถ้ำ การเดินทาง ทางเรือนั่งเรือหางยาวจากหาดบางปูไปยังหาดแหลมศาลา ใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาประมาณ 430 เมตรเพื่อไปยังถ้ำเดินเท้าเดินจากหาดบางปู ข้ามเขาเทียนไปยังหาดแหลมศาลา แล้วเดินต่อไปยังถ้ำพระยานคร รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 […]
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทุ่งสามร้อยยอด” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีทั้งส่วนที่เป็นน้ำจืดและน้ำกร่อย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ (Ramsar Site) ลำดับที่ 11 ของประเทศไทย และลำดับที่ 2,238 ของโลก ประวัติและลักษณะภูมิประเทศ บึงบัวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาสามร้อยยอด สันนิษฐานว่าเกิดจากน้ำที่หลากลงมาจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลลงมาทางทิศตะวันออกมาเจอเขาสามร้อยยอดที่ทอดตัวขนานแนวเหนือใต้ขวางกั้น จึงขังมวลน้ำกักเก็บน้ำไว้ และน้ำท่วมขังหลายร้อยปีจนกลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ ความหลากหลายทางชีวภาพ บึงบัวเป็นแหล่งอาศัยของปลาจำนวนมาก รวมถึงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของนกนานาชนิด เช่น นกกาน้ำ นกยาง นกเป็ดผี นกอีโก้ง โดยในช่วงฤดูหนาวจะมีเหยี่ยวและนกเป็ดน้ำ เช่น เหยี่ยวผึ้ง นกอินทรีหัวไหล่ขาว นกอินทรีปีกลาย เป็ดปีกเขียว เป็ดหางแหลม เป็นต้น กิจกรรมและการท่องเที่ยว สะพานไม้ยาวมีสะพานไม้ทอดยาวล้อมรอบบึงบัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบัวและเขาสามร้อยยอดแบบ 360 องศาล่องเรือชมบัวนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือนั่งชมบัวแบบใกล้ชิดได้จุดชมวิวบริเวณเชิงเขามีศูนย์ศึกษาธรรมชาติทุ่งสามร้อยยอด สะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติ และสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
เดิมพื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง ซึ่งรวมถึงสวนป่าห้วยทราย สวนป่าห้วยยาง สวนรุกขชาติห้วยยาง และสถานีวนกรรมห้วยยาง ต่อมาเมื่อกรมป่าไม้มีนโยบายจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ จึงได้โอนพื้นที่ดังกล่าวให้กองอุทยานแห่งชาติดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2532 และได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2535 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 76 ของประเทศไทย ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ อุทยานแห่งชาติหาดวนกรมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่งทะเลและแนวชายฝั่งยกตัว มีระดับความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 0-5 เมตร พื้นที่ค่อยๆ ลาดลงเป็นพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ มีเกาะเล็กๆ 2 เกาะ คือ เกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ ซึ่งทั้งสองเกาะเชื่อมติดกันลักษณะภูมิอากาศโดยทั่วไปเป็นมรสุมเขตร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมทะเล แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม และฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พืชพรรณและสัตว์ป่า พื้นที่อุทยานประกอบด้วยป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ และป่าเขาหินปูน พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ สนทะเล หูกวาง โพทะเล สารภีทะเล ยาง เกด ประดู่ มะค่าโมง พะยอม หว้า ตะแบก ขนาน […]
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางหมู่ 11 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77130อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง ตั้งอยู่ในอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 161 ตารางกิโลเมตร หรือ 100,625 ไร่ ครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอทับสะแก และอำเภอบางสะพาน ลักษณะภูมิประเทศและธรรมชาติ พื้นที่ของอุทยานประกอบด้วยภูเขาสูงบนเทือกเขาตะนาวศรี สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200–800 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำของลำคลองหลายสาย เช่น คลองอ่างทอง คลองแก่ง คลองทับสะแก และคลองห้วยยางป่าในอุทยานมีความหลากหลาย ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เช่น ปลาพลวง ผีเสื้อ และนกนานาชนิด สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน น้ำตกห้วยยาง น้ำตกที่มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยชั้นที่ 5 มีหน้าผาสูงประมาณ 15 เมตร และชั้นที่ 4 มีทางแยกขึ้นสู่จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นน้ำตกเขาล้าน น้ำตก […]
สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากชายหาดหัวหินเพียงประมาณ 850 เมตร สถานีรถไฟหัวหินเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายใต้ช่วงชะอำ–หัวหิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2457 ได้ขยายเส้นทางไปยังสถานีวังพง ประวัติความเป็นมา อาคารสถานีหลังปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ซึ่งเป็นผู้อำนวยการรถไฟหลวงในขณะนั้น โดยนำแบบมาจากอาคารที่ออกแบบไว้สำหรับงาน “สยามรัฐพิพิธภัณฑ์” ที่สวนลุมพินี แต่ไม่ได้จัดขึ้นเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) พลเอกแสง จุลจาริตต์ ได้ประสานงานในการย้ายพลับพลาสนามจันทร์จากพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม มาตั้งที่สถานีรถไฟหัวหิน และเปลี่ยนชื่อเป็น “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นของสถานี สถาปัตยกรรมและความโดดเด่น สถานีรถไฟหัวหินมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นด้วยอาคารไม้สีครีมตัดแดง มีลวดลายไทยที่วิจิตรบรรจง ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานีรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ ภายในบริเวณสถานียังมีหัวรถจักรไอน้ำรุ่น Baldwin […]
หัวหินเมืองสมุนไพร แหล่งสุขภาพแห่งอนาคต
หัวหิน ไม่ใช่แค่เมืองตากอากาศ แต่คือแหล่งรวมสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาพื้นบ้าน และสุขภาพแบบองค์รวม ที่ผสานการแพทย์แผนไทย เกษตรอินทรีย์ และนวัตกรรมสมัยใหม่เข้าด้วยกัน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ตั้งแต่การปลูกสมุนไพร ทำผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ นวดผ่อนคลาย ไปจนถึงอาหารสุขภาพในแบบครบวงจร หัวหินเมืองสมุนไพร คือ ต้นแบบของการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่เพียงเพื่อพักผ่อน แต่เพื่อ “ฟื้นฟู” และ “เติมพลังชีวิต” อย่างแท้จริง ผ่านภูมิปัญญาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผสานเข้ากับแนวคิดสุขภาพยุคใหม่อย่างกลมกลืน ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการเยียวยา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แนะนำ 5 วิสาหกิจที่น่าสนใจ วิสาหกิจที่ได้รับความนิยมในเมืองหัวหิน ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ทะเล และแหล่งปลูกพืชพรรณธรรมชาติ วิสาหกิจเหล่านี้ได้เปิดโอกาสให้คุณได้เข้าไปสัมผัสชีวิตเรียบง่าย ผ่านกิจกรรมลงมือทำ ดังต่อไปนี้ 1. 789 ทองไทยเฮิร์บ คือ แหล่งเรียนรู้และวิสาหกิจชุมชนต้นแบบด้านสมุนไพรไทย ที่หลอมรวม ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีธรรมชาติ และนวัตกรรมสุขภาพ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน จุดเด่นของที่นี่คือการนำ “สมุนไพรไทยแท้” มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพหลากหลายรูปแบบ ทั้งยาดม น้ำมันหอมระเหย ลูกประคบ สบู่สมุนไพร ชาสมุนไพร และเครื่องหอมพื้นบ้าน ด้วยแนวคิด […]
ตลาดนัดแพไม้
ตลาดนัดแพไม้เป็นสถานที่ที่ควรแวะเยี่ยมชมเมื่อมาเที่ยวหัวหิน ไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นแท้ ๆ แต่ยังสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีในราคาย่อมเยาอีกด้วย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวหัวหิน ตลาดนัดแพไม้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด ประวัติความเป็นมา ตลาดนัดแพไม้เริ่มเปิดให้บริการในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 โดยมีพื้นที่ประมาณ 12 ไร่ และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของผู้ค้าและนักท่องเที่ยว ภายในตลาดมีการแบ่งโซนต่าง ๆ อย่างชัดเจน รวมถึงการเพิ่มโซนสวนอาหารและโซนตู้คอนเทนเนอร์เพื่อความหลากหลายของสินค้าและบริการ ไฮไลต์และจุดเด่น โซนอาหารและของสดมีอาหารหลากหลายประเภท ทั้งอาหารคาวหวาน อาหารทะเลสด ผักผลไม้ และอาหารปรุงสำเร็จให้เลือกสรรโซนสินค้าแฟชั่นและของใช้ จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า และของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงสินค้ามือสองและของสะสมต่างๆ โซนตู้คอนเทนเนอร์พื้นที่การค้ารูปแบบใหม่ที่ให้บริการร้านค้าแฟชั่น สินค้ามือสอง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และโทรศัพท์มือถือ โซนสวนอาหารศูนย์รวมร้านอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมบรรยากาศการแสดงดนตรีสดในช่วงค่ำคืน การเดินทาง ที่ตั้งถนนคันคลอง ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์การเดินทางจากตัวเมืองหัวหิน ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งหน้าไปทางใต้ เลี้ยวเข้าซอยหัวหิน 56 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนคันคลอง ตลาดจะอยู่ทางขวามือเวลาเปิด-ปิดเปิดทุกวันอังคาร เวลา 16:00 น. – 22:00 น.
ตลาดนัดหัวนา
เตลาดนัดหัวนาเป็นตลาดสดที่มีชื่อเสียงในหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดดเด่นด้วยความหลากหลายของสินค้าและบรรยากาศที่เป็นกันเอง เป็นสถานที่ที่ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเลือกมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีในราคาย่อมเยา ประวัติความเป็นมา ตลาดนัดหัวนาเริ่มต้นจากการเป็นตลาดชุมชนที่ชาวบ้านในพื้นที่นำสินค้ามาจำหน่ายกันเอง ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างแหล่งซื้อขายที่สะดวกสบายและเข้าถึงง่ายสำหรับคนในชุมชน เมื่อเวลาผ่านไป ตลาดนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่มีชื่อเสียงของหัวหิน โดยเฉพาะในเรื่องของความหลากหลายของสินค้าและบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง ไฮไลต์และจุดเด่น สินค้าหลากหลายตลาดนัดหัวนามีสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ของสด เช่น ผัก ผลไม้ อาหารทะเลสดใหม่ ไปจนถึงอาหารปรุงสำเร็จ เสื้อผ้า และของใช้ในครัวเรือนบรรยากาศเป็นกันเองผู้ค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้บรรยากาศของตลาดเป็นกันเองและอบอุ่น นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นได้อย่างแท้จริงราคาย่อมเยาสินค้าที่จำหน่ายในตลาดมีราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสินค้าคุณภาพดีในราคาประหยัด การเดินทาง ที่ตั้งตลาดนัดหัวนา ตั้งอยู่ที่ปากซอยหัวหิน 112 บนถนนเพชรเกษม ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์การเดินทางจากตัวเมืองหัวหิน ใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ปราณบุรี เมื่อถึงแยกหัวหิน 112 ให้เลี้ยวขวาเข้าสะพาน ตลาดจะอยู่ทางขวามือเวลาเปิด-ปิดตลาดเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16:00 น. ถึง 20:00 น.
