Tag: ทะเล

ชุมชน

บาติกเขาเต่า…มรดกผืนงามจากปลายพู่กันชาวบ้าน

ผลงานศิลปะบนผืนผ้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว วิถีชีวิต และธรรมชาติของชุมชนเขาเต่า ผ่านเทคนิคการเขียนลายด้วยมืออย่างประณีต เป็นงานหัตถกรรมที่สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ผ้าบาติก คือ ผ้าที่ย้อมด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งใช้ “การปิดบางส่วนของผ้า” ด้วยขี้ผึ้งหรือวัสดุกันสี ก่อนจะนำไปย้อมสี เพื่อให้เกิดลวดลายสวยงามตามจินตนาการ โดยนิยมทำด้วยมือทุกขั้นตอน ทำให้แต่ละผืนมีลายที่ไม่ซ้ำกัน เป็นงานศิลป์ที่ผสมผสานระหว่างความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมท้องถิ่น จุดเด่นของผ้าบาติก กิจกรรม ดังนี้ 1. เวิร์กชอปทำผ้าบาติกผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำผ้าบาติกตั้งแต่การออกแบบลวดลาย การวาดด้วยขี้ผึ้ง การย้อมสี และการขจัดขี้ผึ้ง กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างสรรค์ผลงานของตนเองและนำกลับไปเป็นของที่ระลึก 2. กิจกรรมระบายสีผ้าบาติกเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนผืนผ้า โดยสามารถเลือกออกแบบลวดลายและระบายสีตามจินตนาการของตนเอง กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและครอบครัว 3. การเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าบาติกนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมร้านผ้าบาติกในชุมชนเขาเต่า เพื่อชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าบาติกที่มีลวดลายและสีสันหลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชน พิกัดสถานที่ตั้ง ที่ตั้ง : 105/9 บ้านเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110 โทร : 0-3251-1047, 0-3251-2340 และ 0-3251-2273 โทรสาร : 0-3251-1190

ชุมชน

ธนาคารปูม้า! นวัตกรรมชุมชนคืนชีวิตทะเล

โครงการนี้เป็นของชุมชนชายฝั่งที่ร่วมกันเก็บแม่ปูม้าที่มีไข่มาไว้ในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อทำการเพาะฟัก ก่อนนำลูกปูที่แข็งแรงกลับไปปล่อยคืนสู่ทะเล เพื่อช่วยเพิ่มจำนวนประชากรปูม้าในธรรมชาติ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชาวประมงท้องถิ่น ธนาคารปูม้า โครงการอนุรักษ์พันธุ์ปูม้า โดยชุมชนร่วมมือกันเก็บแม่ปูที่มีไข่มาเพาะฟักในพื้นที่ปลอดภัย จนลูกปูโตพอที่จะปล่อยคืนสู่ทะเล ช่วยเพิ่มจำนวนปูม้า ป้องกันการสูญพันธุ์ และสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรทางทะเล พร้อมเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวประมงท้องถิ่น ประโยชน์ของธนาคารปูม้าต่อระบบนิเวศและชุมชนชายฝั่ง ธนาคารปูม้าไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มจำนวนปูม้าในทะเล แต่ยังส่งเสริมระบบนิเวศชายฝั่งให้สมดุล ช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนแก่ชุมชนประมง ทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพร้อมกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กิจกรรม เก็บแม่ปูไข่ : ชาวประมงและชุมชนร่วมกันจับแม่ปูที่มีไข่ไว้เพื่อนำมาอนุบาลในสถานที่ปลอดภัย เพาะฟักและดูแล : ปูม้าจะถูกเลี้ยงในบ่อหรือกรงที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมจนไข่ฟักเป็นลูกปูและโตขึ้น ปล่อยลูกปูคืนทะเล : เมื่อลูกปูโตพอและแข็งแรง จะถูกปล่อยกลับสู่ทะเลเพื่อเพิ่มจำนวนประชากร ส่งเสริมความรู้และการอนุรักษ์ : จัดอบรมและกิจกรรมให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ติดตามผลและวิจัย : มีการติดตามพฤติกรรมและจำนวนประชากรปูม้าในธรรมชาติเพื่อประเมินผลความสำเร็จของโครงการ พิกัดที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่ ซอยเขาตะเกียบ 1 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมปล่อยลูกปูม้าและสัตว์ทะเลอื่น ๆ จะจัดขึ้นทุกวัน เวลา 09:00 น. ณ บริเวณศาลาแปดเหลี่ยมชายหาดเขาตะเกียบ โดยกิจกรรมนี้เปิดให้เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับพิกัดแผนที่: https://maps.app.goo.gl/a7hyBLoDHsX6iokW9

สถานทีท่องเที่ยว

วนอุทยานปราณบุรี

วนอุทยานปราณบุรี (Pran Buri Forest Park) ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ โดยมีทั้งป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าดิบแล้ง พื้นที่ส่วนใหญ่ของวนอุทยานนี้ได้รับการพัฒนาและฟื้นฟูจากโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไฮไลต์และกิจกรรมเด่น 1.เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างเป็นสะพานไม้ยกระดับที่ทอดยาวผ่านป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน เช่น พันธุ์ไม้โกงกาง โปรงแดง แสมทะเล และสัตว์น้ำต่าง ๆ จุดเด่นของเส้นทางนี้คือหอชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่าชายเลนและทะเลได้แบบ 360 องศา 2.ทุ่งโปรงทอง ทุ่งโปรงทองเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีต้นโปรงทองขึ้นหนาแน่นเต็มบริเวณ ลักษณะของต้นโปรงทองที่เรียงรายกันเป็นทุ่งกว้างทำให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม โดยเฉพาะจากหอชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทุ่งโปรงทองได้อย่างชัดเจน 3.กิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือจากท่าเรือที่อยู่บริเวณคลองเก่า เพื่อชมความงามของป่าชายเลนและวิถีชีวิตของชุมชนชาวประมงในพื้นที่ ระหว่างการล่องเรือสามารถสังเกตเห็นสัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปูดำ ปูแสม และนกน้ำหลากหลายชนิด กิจกรรมนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 400 บาทต่อเรือ (นั่งได้ 8 คน) ประวัติของวนอุทยานปราณบุรี วนอุทยานปราณบุรีตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำปราณบุรี ตำบลปากน้ำปราณ […]

วัด

วัดทางสาย

เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประจวบวัดนี้ไม่มีการบังคับทำบุญ จึงเหมาะกับการ “ให้” ด้วยจิตบริสุทธิ์เจดีย์สามารถเข้าไปภายในได้ในบางช่วงเวลา (เปิด-ปิดตามประกาศ)วัดพุทธศิลป์บนยอดเขา สงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมและพักใจ ประวัติความเป็นมา ก่อตั้งโดย หลวงพ่อทิพย์ ฐานิสสโร พระปฏิบัติสายวัดป่า ที่เน้นการเจริญภาวนาอย่างเคร่งครัดเดิมเป็นที่ว่างบนภูเขา ห่างไกลผู้คน ภายหลังพัฒนาจนกลายเป็น วัดป่าในสายธรรมยุติเป็นสถานที่สงบเหมาะแก่การวิปัสสนา ปลีกวิเวก และอบรมจิตตั้งอยู่บริเวณ เขาล้อมหมวก ติดอ่าวมะนาว ใกล้กองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไฮไลต์ภายในวัด พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศเจดีย์สีทองสวยงาม มองเห็นได้จากระยะไกล สร้างถวายในหลวง ร.9ถ้ำธรรมะเป็นถ้ำปฏิบัติธรรม มีพระพุทธรูปประดิษฐานด้านในวิวเขา&ทะเลจากยอดเขา สามารถมองเห็นวิวทะเลอ่าวมะนาว และภูเขารอบด้านแบบพาโนรามาศาลาปฏิบัติธรรมสถานที่อบรมจิตแบบวัดป่า เน้นความเงียบ สงบ เรียบง่าย การเดินทาง ที่ตั้งวัดทางสาย อยู่บนเขาทางทิศใต้ของอ่าวมะนาวใกล้กับ เขาล้อมหมวกระยะทางห่างจากตัวเมืองประจวบฯ ประมาณ 7-8 กม.การเดินทางรถส่วนตัว ขับจากตัวเมืองมาทางอ่าวมะนาว แล้วขึ้นเขาตามป้าย วัดทางสายรถจักรยานยนต์ สะดวกสำหรับขึ้นเขาสูงชันเดินขึ้นได้ แต่ค่อนข้างเหนื่อยเพราะเส้นทางชัน (เหมาะกับสายบุญจริงจัง) ข้อควรระวัง ทางขึ้นเขาค่อนข้างชัน ควรสวมรองเท้ากันลื่น และเตรียมน้ำดื่มควรแต่งกายสุภาพ งดเสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้นห้ามส่งเสียงดัง เพราะวัดเน้นความสงบและการภาวนาไม่มีร้านค้าของขายด้านบน […]

ทะเล

เดินทางสู่เกาะท้ายทรีย์…สวรรค์สำหรับคนรักธรรมชาติ

 สวรรค์ของนักดำน้ำ เพชรเม็ดงามแห่งท้องทะเลอ่าวไทย ธรรมชาติที่ยังคงความสวยงาม น้ำทะเลใสกิ๊ง อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดนวกร มีหาดทรายทอดตัวยาวเลียบตามผืนทะเล เหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่น เล่นน้ำ หรือถ่ายรูปสวย ๆ นอกจากนี้บริเวณท้ายเกาะมีแนวปะการังกระจายอยู่รอบ ๆ ใครที่ชอบดำน้ำน่าจะหลงรักที่นี่ได้ไม่ยาก ประวัติและความเป็นมา เกาะจาน และ เกาะท้ายทรีย์ เป็น 2 เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลในเขตพื้นที่ควบคุมของ กองบิน 5 กองทัพอากาศ และอยู่ในการดูแลของ อุทยานแห่งชาติเขาล้อมหมวกเดิมเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ไม่เปิดให้เข้าตลอดทั้งปี ปัจจุบันเปิดให้เที่ยวได้ เฉพาะช่วงเทศกาลช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ของทุกปี แล้วแต่ประกาศชื่อ เกาะจานมาจากรูปร่างของเกาะที่ดูคล้ายจานกลม ๆเกาะท้ายทรีย์ อยู่ไม่ไกลกัน เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ขึ้นชื่อ การเดินทาง เริ่มต้นที่ อ่าวมะนาว ภายในกองบิน 5จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงทะเบียนขึ้นเรือกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า ไม่สามารถไปเองเรือออกช่วงเช้า โดยมากระยะทางประมาณ 7–10 กม. ได้ใช้เวลาเดินทาง 40–60 นาทีโดยเรือเร็วหรือเรือหางยาวจัดเป็น ทริปไปเช้า-เย็นกลับ เท่านั้น ห้ามค้างคืน […]

จุดชมวิว

The Enchanted Hat Peak(ยอดเขาล้อมหมวกที่เหมือนมีมนต์ขลัง)

เขาล้อมหมวก” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะสำหรับนักผจญภัยและผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าขึ้นเขาเพื่อชมทิวทัศน์งดงามของทะเลและแนวชายฝั่งแบบพาโนรามาเขาล้อมหมวก เป็นภูเขาหินปูนริมทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ค่ายธนะรัชต์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประวัติและที่มา ชื่อ ล้อมหมวกมาจากลักษณะของยอดเขาที่คล้ายกับ หมวกเหล็กทหาร และมีภูเขาลูกเล็ก ๆ ล้อมรอบแต่เดิมเป็นพื้นที่หวงห้ามทางทหาร ต่อมาได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นใน บางช่วงเวลา โดยความร่วมมือกับกองทัพบกเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งทาง ธรรมชาติและจิตวิญญาณ โดยมีการประดิษฐานพระพุทธรูปบนยอดเขา ไฮไลต์สำคัญที่ห้ามพลาด จุดชมวิว 360 องศาเห็นทั้ง 3 อ่าว คือ อ่าวมะนาว อ่าวประจวบ และอ่าวน้อยพระพุทธรูปองค์สีทองบนยอดเขา เป็นจุดกราบไหว้และถ่ายภาพยอดนิยมเส้นทางเดินป่าชันผจญภัยด้วยเชือกและหินแหลมคม เหมาะสำหรับผู้ชอบความท้าทายชมพระอาทิตย์ขึ้นตกวิวทะเลตัดกับภูเขาแบบพาโนรามา งดงามมากฝูงลิงแสมพบได้รอบๆ ฐานเขาให้ระวังของส่วนตัว การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าประจวบฯ แล้วเข้า ค่ายธนะรัชต์ (ต้องแลกบัตร)รถไฟลงสถานีประจวบฯ แล้วต่อรถสองแถวหรือเหมารถเข้าอ่าวมะนาวรถโดยสาร ขึ้นรถกรุงเทพฯ–ประจวบฯ แล้วต่อแท็กซี่/สองแถวเปิดปีนเฉพาะช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ข้อควรระวัง เส้นทางชันและหินแหลมคม – ต้องใช้แรงเยอะ มีบางจุดต้องปีนมือเปล่า ระวังลื่นห้ามขึ้นช่วงฝนตก ทางลื่นมากห้ามทิ้งขยะ ถือหลักมาอย่างไรกลับอย่างนั้นไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ, เด็กเล็ก, ผู้มีโรคหัวใจหรือหอบหืดระวังลิง […]

สวนสัตว์

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หรือ Waghor Aquarium ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้และวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไฮไลต์และโซนจัดแสดง พิพิธภัณฑ์มีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดประมาณ 3,600 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 6 โซนหลัก ได้แก่โซนอัศจรรย์โลกสีคราม นำเสนอความงดงามของโลกใต้ทะเลด้วยสัตว์น้ำหลากหลายชนิดโซนจากขุนเขาสู่สายน้ำแสดงระบบนิเวศของแหล่งน้ำจืดและน้ำกร่อยโซนสีสันแห่งท้องทะเลจัดแสดงปะการังและสัตว์ทะเลสีสันสวยงามโซนเปิดโลกใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำให้เดินลอดผ่าน พร้อมชมปลาทะเลตัวใหญ่ เช่น ปลาฉลามและปลากระเบนโซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม พร้อมข้อมูลประกอบโซนกิจกรรมปฏิบัติการพื้นที่สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้และทดลองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 35ผ่านจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 เพชรเกษมผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 335 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านหว้าโทน ขับต่อไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร ข้ามทางรถไฟเข้าสู่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ข้อควรเตรียมและข้อควรระวัง การแต่งกายสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายและรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ที่ควรนำไปกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพสัตว์น้ำและนิทรรศการต่าง ๆข้อควรระวังรักษาความสะอาดภายในพิพิธภัณฑ์ ไม่สัมผัสหรือให้อาหารสัตว์น้ำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

สถานทีท่องเที่ยว

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย เดิมพื้นที่นี้เป็นนากุ้งที่ได้รับสัมปทานในช่วงปี พ.ศ. 2524–2539 ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 กิจกรรมและจุดเด่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติมีทางเดินไม้ยกระดับผ่านป่าชายเลน พร้อมป้ายข้อมูลให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้และสัตว์ในระบบนิเวศป่าชายเลนหอชะครามหอชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของป่าชายเลนและเทือกเขาตะนาวศรีได้อย่างชัดเจนต้นโกงกางประวัติศาสตร์ต้นโกงกางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงปลูกไว้ เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูป่าชายเลนนิทรรศการและกิจกรรมการเรียนรู้มีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน และกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและผู้สนใจ การเดินทาง จากอำเภอปราณบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าทางทิศเหนือ ผ่านทางแยกเข้าหมู่บ้านเขาเต่าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางแยกขวามือ เลี้ยวไปตามป้ายบอกทางเข้าวนอุทยานปราณบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาผ่านสะพานท่าลาดกระดาน และตามป้ายบอกทางเข้าศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ข้อควรเตรียมและข้อควรระวัง การแต่งกายควรสวมรองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าผ้าใบ เพื่อความสะดวกในการเดินบนทางไม้อุปกรณ์ที่ควรนำไปหมวก, ครีมกันแดด, ยากันยุง, น้ำดื่ม และกล้องถ่ายรูปข้อควรระวังระมัดระวังการเดินบนทางไม้ที่อาจลื่นในช่วงฤดูฝน และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย

วัด

วัดเก่าเขาน้อย

วัดเก่าเขาน้อย ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นวัดที่มีความโดดเด่นทั้งด้านประวัติศาสตร์และทัศนียภาพ โดยตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถชมวิวทะเลและภูเขาได้แบบ 360 องศา ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติและความสำคัญ วัดเก่าเขาน้อยเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2527 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ภายในวัดมีพระพุทธรูปหลวงพ่อดำที่มีอายุกว่า 100 ปี วัดเก่าเขาน้อยเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความสงบและสวยงามของธรรมชาติ จุดเด่นและกิจกรรม วิหารพระนอนเป็นไฮไลต์ของวัด มีขนาดใหญ่และสวยงามจิตรกรรมฝาผนังและปูนปั้นมีการตกแต่งอย่างวิจิตร บอกเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนาจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาได้รอบทิศทางกิจกรรมทางศาสนามีการจัดกิจกรรมทางศาสนาและงานประจำปีอย่างต่อเนื่อง การเดินทาง จากตัวเมืองหัวหิน ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งหน้าสู่อำเภอปราณบุรี เมื่อถึงแยกปราณบุรี ให้เลี้ยวเข้าถนนหมายเลข 3168 มุ่งหน้าสู่ตำบลปากน้ำปราณ วัดตั้งอยู่ห่างจากศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินีประมาณ 400 เมตร ข้อควรระวังและการเตรียมตัว เส้นทางขึ้นวัดเนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมและระมัดระวังในการเดินขึ้นการแต่งกายควรแต่งกายสุภาพ เพื่อความเหมาะสมในการเข้าวัดสภาพอากาศควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง และเตรียมอุปกรณ์กันแดดหรือฝนตามความเหมาะสม

ทะเล

Whispering Pines Garden(สวนสนที่เต็มไปด้วยเสียงลมและความเงียบสงบ)

สวนสนประดิพัทธ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สวนสน” เป็นชายหาดที่เงียบสงบและสวยงาม ตั้งอยู่ในตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 8–9 กิโลเมตรชายหาดมีลักษณะเป็นหาดทรายสีขาวละเอียด ขนานไปกับแนวต้นสนทะเลที่ให้ร่มเงาตลอดแนวชายหาด น้ำทะเลใสสะอาดและไม่ลึกมาก เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและพักผ่อน ประวัติและลักษณะเด่น เดิมทีสวนสนประดิพัทธ์อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ต่อมาได้โอนให้กองทัพบกใช้ในกิจการทางทหารเป็นโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และภายหลังได้พัฒนาเป็นสถานพักฟื้นและพักผ่อนของข้าราชการกองทัพบกและครอบครัว ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมได้ กิจกรรมที่น่าสนใจ เล่นน้ำทะเลน้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดและไม่ลึกมาก เหมาะสำหรับการเล่นน้ำทั้งเด็กและผู้ใหญ่นอนอาบแดดและปิกนิกสามารถนำเสื่อมาปูนั่งหรือนอนอาบแดดใต้ร่มสน หรือจะปิกนิกกับครอบครัวและเพื่อนฝูงก็ได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามเหนือทะเลได้ถ่ายรูปบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายรูปเก็บความประทับใจชมโครงกระดูกปลาวาฬบรูด้าบริเวณใกล้ชายหาดมีการจัดแสดงโครงกระดูกปลาวาฬบรูด้าที่ถูกค้นพบในพื้นที่ การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่อำเภอชะอำ และวิ่งตรงมาที่หัวหิน ห่างจากหัวหินประมาณ 9 กิโลเมตร จะเห็นป้ายศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์อยู่ทางด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวไปตามป้าย ก็จะถึงปากทางเข้าสวนสนประดิพัทธ์รถโดยสารประจำทางขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ สายกรุงเทพ-หัวหิน-ปราณบุรี ลงที่ปากทางหน้าสวนสนประดิพัทธ์และเดินต่อเข้าไปประมาณ 650 เมตร ข้อควรระวัง การแต่งกายควรแต่งกายสุภาพและเหมาะสม โดยเฉพาะหากต้องการเข้าไปในพื้นที่วัดหรือสถานที่ราชการใกล้เคียงการรักษาความสะอาดควรรักษาความสะอาดของชายหาดและไม่ทิ้งขยะลงในทะเลหรือบริเวณชายหาดการเล่นน้ำแม้ว่าน้ำทะเลจะไม่ลึกมาก แต่ควรระมัดระวังและไม่เล่นน้ำลึกเกินไป โดยเฉพาะเด็กๆ ควรอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง

Back To Top
Instagram
Tiktok